ปิดทองหลังพระ
"การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็ต้องปิด..
ว่าที่จริงแล้ว คนโดยมากไม่ค่อยชอบ " ปิดทองหลังพระ"กันนัก
เพราะว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า...
ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้...."
( พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๐๖ )
คนไม่มีความสุจริต คนไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย
ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้
ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น...
จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ...
งานทุกอย่างมีด้านหน้าและด้านหลัง เหมือนเหรียญบาท...
งานด้านหน้านั้นมีคนทำกันเยอะแยะ และมีคนแย่งกันทำ...
เพราะมีผลเห็นได้ชัดและก็ปูนบำเหน็จกันได้เต็มที่
แต่งานด้านหลังที่ไม่ปรากฏต่อสายตาของคน...
ต้องเป็นคนที่เข้าใจงานและหน้าที่ของตัวจริงๆ ถึงจะทำได้
และต้องเสียสละด้วย...
เพราะ...งานด้านหลังเป็น "งานปิดทองหลังพระ"
ถ้าทำดีแล้วต้องไม่ให้เห็นปรากฏ...
และต้องยอมรับว่าไม่ได้อะไรตอบแทนเลย
นอกจากความภูมิใจในการทำงานในหน้าที่ของตน...
ความสุจริตก็ดี ความมุ่งมั่นในประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี
จะเกิดขึ้น และยั่งยืนอยู่ได้ด้วยอะไร...
ความสุจริตและความมุ่งมั่นในประโยชน์นั้น
จะเกิดขึ้นยั่งยืนอยู่ได้ด้วยสติกับปัญญา สติ
คือความระลึกรู้ ปัญญานั้น
ตามภาษาที่ใช้กัน มีความหมายหลายอย่างเช่น
"เจ้าปัญญา"แปลว่า ฉลาดหลักแหลมมีเล่ห์เหลี่ยม
"ทาสปัญญา" แปลว่า โง่ ทราม
"จนปัญญา" แปลว่า หมดทางคิด
"ไม่มีปัญญา" แปลว่า ไม่มีความสามารถก็ได้ ไม่มีความรู้ความคิดก็ได้
ไม่มีทาง ไม่มีโอกาสก็ได้ ไม่มีทรัพย์ก็ได้
ในที่นี้ จึงต้องจำกัดความหมายลงไปว่า
ปัญญา คือ"ความรู้ชัด" ที่เกิดขึ้นจากความฉลาด
สามารถคิดพิจารณาอย่างถูกต้องแยบคายตามเหตุตามผล
และการที่ว่า "ความสุจริตและความมุ่งมั่นจะบังเกิดยั่งยืนอยู่ได้
เพราะสติกับปัญญา" นั้น หมายความว่า เมื่อบุคคลมีสติรู้ตัว
มีปัญญารู้ชัดในคุณค่าของความสุจริต
และการสร้างสรรค์ความเจริญบนพื้นฐานของความสุจริตแล้ว
ก็จะเกิดเป็นความนิยม เชื่อมั่น และพึงใจในความดีสิ่งดี
และการกระทำดี แล้วความมั่นใจพึงใจนั้น
ก็จะอุดหนุนประคองความสุจริต พร้อมทั้งความมุ่งมั่นที่จะทำดี
ให้คงอยู่ได้ตลอดไปไม่เสื่อมถอย
การมีความรู้ความถนัดทางทฤษฎีประการเดียว...
ไม่เพียงพอที่จะทำให้บุคคลสามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่
ผู้ที่ฉลาดสามารถแต่ในหลักวิชา...
โดยปรกติวิสัยจะได้แต่เพียงชี้นิ้วให้ผู้อื่นทำ ซึ่งเป็นการไม่ศักดิ์สิทธิ์
ไม่อาจทำให้ผู้ใดเชื่อถือหรือเชื่อฟังอย่างสนิทใจได้...
เหตุด้วยไม่แน่ใจว่าผู้ชี้นิ้วเองจะรู้จริง ทำได้จริงหรือหาไม่
ความสำเร็จทั้งสิ้นเกิดขึ้นได้เพราะการลงมือกระทำ
ดังนั้น.. ผู้ที่ชำนิชำนาญทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ
จึงจัดว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน และมีขีดความสามารถสูง
เป็นที่เชื่อใจและวางใจได้ว่า จะดำเนินงานทั้งปวงอย่างมีประสิทธิภาพ...
เพราะสามารถทำงาน สั่งงาน และสั่งคนได้อย่างถูกต้องแท้จริง...
“คำของพ่อ” คือ กระแสพระราชดำรัสพระบรมราโชวาทนั้น
มีคุณค่ามหาศาล ใคร่ขอให้ประชาชนชาวไทยปฏิบัติตาม
“คำของพ่อ” คือ “ปิดทองหลังพระ” อันปรากฏในพระบรมราโชวาทต่างๆ
เมื่อพวกเราซึ่งเป็นลูกของพ่อหลวงจะพึงปฏิบัติ...
ทุกคนต้องคิดถึงการทำงานในการอาชีพและส่วนรวม
ทุกคนอยากทำงานแบบ “ปิดทองหน้าพระ”
ไม่ค่อยมีใครทำงานแบบ “ปิดทองหลังพระ”
จึงขอให้พวกเรา รวมทั้งอาตมาด้วย มาทำงานให้ถูกต้องแบบ
“ปิดทองหลังพระ” กันบ้าง
---------------------------------------------
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน














